Tuesday, November 18, 2008

Creative Cost Reduction

เพราะสภาวะเศรษฐกิจในปีพ.ศ.2552 อาจเลวร้ายกว่าที่คิดหลายองค์กรจึงเริ่มมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและหนึ่งในการปรับตัวนั้น คือ การลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย..........

ดูแล้วก็เหมือนเป็นเรื่องเดิมๆที่เคยทำมาแล้วบ่อยครั้ง
หากแต่ครั้งนี้ เราต้องการผลลัพธ์ของการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ต่างไปจากวิธีเดิมๆหรือไม่?
...ลดได้มากกว่าเดิม?...
หรือส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานน้อยลงกว่าเดิม?...
หรือส่งผลต่อขวัญกำลังใจพนักงานต่างไปจากเดิม?...


หากเราต้องการผลต่างไปจากเดิม
เราคงต้องใช้วิธีคิดที่ต่างไปจากเดิม
ต่างทั้ง “กระบาล” และ “กระบวนการ” ในการคิด


หัวข้อหลักของ workshop เรื่อง การลดต้นทุนอย่างสร้างสรรค์ (Creative Cost Reduction)

“กระบาล” การคิดสร้างสรรค์
•รู้จักธรรมชาติของความคิดสร้างสรรค์
•ค้นพบไฟแห่งการคิดสร้างสรรค์ของตนเอง
•คิดนอกกรอบด้วยการค้นพบกรอบที่กักขังความคิดใหม่ และร่วมกิจกรรมการทำลายกรอบที่ครอบความคิด
•สร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ของตนเองด้วยการทำแบบทดสอบชุด MBTI เพื่อค้นพบความถนัดในการคิดสร้างสรรค์ของตนเอง
•การคิดด้น (Divergent Thinking) และการคิดควบ (Convergent Thinking) เพื่อมาใช้ร่วมกับการคิดสร้างสรรค์
“กระบวน” การคิดสร้างสรรค์
• ค้นหาไอเดียใหม่ในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วยการนำการคิดแบบ Divergent และ Convergent มาใส่ในกระบวนการคิดสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบตามขั้นตอน 6’Fs*
• จัดทำแผนร่าง action plan 2552 เพื่อกำหนดแนวทางการนำไอเดียใหม่ในการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายไปใช้ในปี 2552
•เทคนิคและศิลปะในนำเสนอแผนความคิดใหม่เพื่อให้เกิดการผสมผสานกับประสบการณ์ของผู้บังคับบัญชา อันจะนำไปสู่การได้รับการอนุมัติให้ปฏิบัติงานได้จริงต่อไปในปี 2552

•หมายเหตุ *กระบวนการคิดสร้างสรรค์ประยุกต์จากโมเดลที่พัฒนาโดย CEF (Creative Education Foundation) และ
CPSI (Creative Problem Solving Institute), USA